ที่ผ่านมาเราคุยกันเรื่องกราฟแท่งเทียนอย่างย่อ ๆ ไปแล้วรวมทั้งการวิเคราะห์ด้วย ตอนนี้เราจะ
ลงลึกไปสู่รายละเอียด กัน แต่ก่อนอื่นเรามาทบทวนกันคร่าว ๆ กันก่อน
การเทรดโดยใช้กราฟแท่งเทียนคือะไร?
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ก็อดซิลล่ายังคงเป็นแค่กิ้งก่าน้อยดูดนมจ๊วบ ๆ อยู่ กราฟแท่งเทียนได้ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคแบบเก๋ากึ๊ก เพื่อใช้ในการเทรดข้าว มีชาวตะวันตกคนหนึ่งชื่อว่า Steve Nison ค้นพบความลับเทคนิคการใช้และการอ่านกราฟแท่งเทียน มาจากโบรคเกอร์ที่ญี่ปุ่น และกราฟแท่งเทียนก็เลยอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ Steve ได้ศึกษา เรียนรู้ มีชีวิตอยู่ และหายใจเข้าออกและแทบจะกินกราฟแท่งทียน เขาเริ่มเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้และมันเริ่มเป็นที่นิยมในช่วงปี 1990 เพื่อที่จะทำให้เรื่องยาว ๆ สั้นลงหน่อย ก็คือว่า ถ้าไม่มี steve nilson เรื่องราวของกราฟแท่งเทียนก็ยังคงเป็นความลับจนกระทั่งทุกวันนี้
โอเคแล้ว ไอ้กราฟแท่งเทียนนี้มันเป็นยังไง ?
การอธิบายที่ดีที่สุดคือการอธิบายด้วยภาพ
กราฟแท่งเทียนจะบอกราคาสูงสุด ต่ำสุด และราคาเปิด และราคาปิด
• ถ้าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดแล้วกราฟแท่งเทียนก็จะถูกวาดขึ้น(ปกติจะเป็นสีขาว)
• ถ้าราคาปิดอยู่ต่ำกว่าราคาเปิด กราฟแท่งเทียนก็จะถูกวาดขึ้น(ปกติเป็นสีดำ)
• สิ่งที่ถูกวาดหรือว่าที่เติมสีลงไปนั้นเรียกว่าตัวแท่งเทียน หรือว่า body
• เส้นบาง ๆ ที่ทะลุขึ้นข้างบนหรือข้างล่างของตัว body แสดงให้เห็นราคาต่ำสูงเป็นไส้เทียน
• ที่จุดสูงสุดของไส้เทียนเรียกว่า “high”
• ที่จุดต่ำสุดของไส้เทียนเรียกว่า “low”
รูปร่างของกราฟแท่งเทียนกับรูปแบบต่าง ๆ ของไส้เทียน
รูปร่างของกราฟแท่งเทียนก็คล้าย ๆ กับคนเรานี่และ มีรูปร่างลักษณะแตกต่างกัน และเมื่อเรามองกลับมาที่การเทรดฟอร์เร็ก ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเท่ากับการดูรูปร่างของกราฟแท่งเทียน
รูปร่างยาวแสดงถึงมีแรงซื้อหรือขายเข้ามาอย่างท่วมท้น ยิ่งตัวแท่งเทียนนั้นยิ่งยาว นั่นหมายความว่ามีปริมาณการซื้อขายปริมาณมาก
ส่วนตัวแท่งเทียนที่สั้นนั้นหมายความว่าการซื้อขายนั้นมีเบาบาง ในวงการฟอร์เร็กนั้นเราเรียกผู้ซื้อว่า กระทิงและเรียกผู้ขายว่า หมี
กราฟแท่งเทียนสีขาว ยาว ๆ แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่มีปริมาณมาก ยิ่งกราฟแท่งเทียนยิ่งยาวเท่าไหร่ นั่นหมายความว่าราคาปิดยิ่งอยู่ห่างราคาเปิดเท่านั้น ซึ่งบอกว่าราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหรือในภาษาของเราเรียกว่า กระทิงรุมขวิดหมีครั้งใหญ่ !
กราฟแท่งเทียนแท่งยาวสีดำแสดงให้เห็นถึงแรงขายปริมาณมาก ซึ่งยิ่งกราฟยิ่งยาวเท่าไหร่แสดงถึงระยะห่างของราคาเปิดและปิดเท่านั้น และบ่งบอกได้ถึงราคาที่ร่วงจากราคาเปิด จากการกระหน่ำขายของฝั่งผู้ขาย เรามีคำเฉพาะเรียกนี้ว่า หมีกำลังตะปกกระทิงโดยการคว้าที่เขาของกระทิงแล้วก็ทุ่มลงกับพื้น
ไส้เทียนพิศวง
ไส้เทียนที่อยู่ข้างบนตัวเทียน หรือที่อยู่ข้างล่างเทียนนั้นให้รายละเอียดบางอย่างที่สำคัญเกี่ยวกับการเทรดที่เกิดขึ้นในเวลาช่วงนั้น ๆ
ไส้เทียนที่อยู่ข้างบนบอกราคาที่สูงที่สุดของระยะเวลานั้น ๆ ก่อนที่จะปิดที่ตัวแท่งเทียน และไส้เทียนข้างล่างก็บอกราคาต่ำสุดที่เกิดขึ้นหลังจากราคาเปิด ก่อนที่จะกลับมาที่ราคาที่ปิด
กราฟแท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาว แสดงให้เห็นถึงผลการเทรดหรืออารมณ์ตลาดที่เกิดขึ้นราคาได้วิ่งห่างจากราคาเปิดหรือ ราคาปิด
กราฟแท่งเทียนที่มีไส้เทียนสั้น แสดงถึงภาวะราคาตลาดที่วิ่งอยู่ใกล้ๆ กับราคาเปิดหรือราคาปิด
ถ้ากราฟแท่งเทียนมีไส้เทียนที่ยาวข้างบน และมีไส้ที่สั้นกว่าข้างล่าง นั่นหมายถึงฝั่งผู้ซื้อพยายามซื้อขึ้นไป แต่ว่าอีกด้านหนึ่งฝั่งผู้ขายพยายามดึงราคากลับมาให้อยู่ในราคาที่ใกล้จุดที่ราคาเปิด
ถ้ากราฟแท่งเทียนมีไส้เทียนที่ยาวด้านล่างและมีไส้เทียนสั้น ๆ ด้านบน นั่นหมายถึงว่าพยามที่จะกดดันราคาลงอย่างรุนแรง เพื่อให้ราคาต่ำลงไปอีก แต่ว่าฝั่งผู้ซื้อก็ได้ดึงราคาให้กลับมาอยู่ใกล้กับจุดที่ราคาเปิด
รูปแบบกราฟแท่งเทียนพื้นฐาน
Spinning Tops
กราฟแท่งเทียนจะมีไส้เทียนยาว ๆ อยู่ด้านบนและด้านล่าง และมีตัวเทียนสั้น เรียกว่า spinning tops สีของแท่งเทียนจะไม่สำคัญมาก รูปแบบของแท่งเทียนบ่งบอกถึงภาวะตลาดที่ลังเล ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย
ตัวแท่งเทียนเล็ก ๆ ไม่ว่าจะสีอะไรซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยจากราคาเปิดไปจนถึงราคาปิด ซึ่งบอกว่าทั้งฝั่งผู้ซื้อและฝั่งผู้ขายกำลังต่อสู้แย่งชิงราคากันและไม่มีความได้เปรียบเสียเปรียบ
แม้ว่า จุดเปิดและปิดจะแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ราคาที่เคลื่อนไหวขึ้น ๆ ลง ๆ โดยทั่วไป ไม่ว่าทั้งผู้ซื้อหรือผู้ขาย ไม่สามารถแย่งชิงความได้เปรียบซึ่งผลออกมาก็คือ ต่างคนต่างยังเลือกทิศทางไม่ได้
ถ้า spinning top เกิดขึ้นช่วงที่กำลังอยู่ในขาขึ้น นั่นหมายความว่า ตอนนี้ไม่ค่อยมีคนอยากซื้อแล้วและอาจจะเกิดจุดกลับเทรดขึ้นได้
ถ้า spinning top เกิดระหว่างช่วงทิศทางขาลง นั่นหมายถึง ไม่ค่อยมีคนอยากเล่นฝั่ง sell มากแล้วและอาจจะเกิดจุดกลับเทรนด์ในทิศทางตรงกันข้ามได้
Marubozu
ฟังดูเหมือนชื่อเวทมนตร์ วูดู มั๊ย ฉันจะเสกคาถามหาเวทย์ Marubozu ใส่คุณ แต่เป็นโชคดีของคุณที่มันไม่ได้หมายความอย่างนั้น Marubozu หมายถึง ไม่มีไส้เทียน มีแต่ตัวแท่งเทียน ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า ตัวแท่งเทียนจะเป็นสีอะไร จุดที่สูงที่สุดและจุดที่ต่ำสุดเป็นจุดเดียวกับจุดเปิดและจุดปิด ถ้าคุณดูตามรูปข้างล่างจะมี Marubozu อยู่สองชนิด
White Marubozu ประกอบด้วยตัวเทียนสีขาว โดยไม่มีไส้เทียน ราคาเปิดเท่ากับ ราคาต่ำสุด และ ราคาปิด คือ ราคาสูงสุด ซึ่งนี่บอกว่าเป็นภาวะกระทิงอย่างเห็นได้ชัดว่าผู้ซื้อกำลังควบคุมตลาดอยู่ชัดเจน และกราฟแบบนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดภาวะกระทิงอย่างต่อเนื่องหรือ จุดกลับตัวมาสู่ภาวะกระทิงด้วย
Black Marubozu
ประกอบด้วยตัวเทียนสีดำ โดยไม่มีไส้เทียน ราคาเปิดจะเท่ากับราคาสูงสุด และ ปิดที่ราคาต่ำที่สุด นี่เป็นกราฟของภาวะหมี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อมีอำนาจเหนือตลาด และแสดงให้เห็นว่า ผู้ขายควบคุมราคาทั้งหมดในช่วงราคานี้ บ่งบอกว่าภาวะหมีเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง หรือ เกิดการกลับตัวมาสู่ภาวะหมี
Doji
Doji คือ กราฟแท่งเทียนมีราคาเปิด และราคาปิด หรือว่าก็คือ ตัวเทียนน้อยมาก และตัว Doji นี้จะมีตัวแท่งเทียนน้อย และ แทบจะเป็นเส้นบาง ๆ อยู่แล้ว
Doji บอกถึงภาวะที่เกิดแรงดึงทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ราคาเริ่มขยับขึ้นหรือลงในช่วงราคาเปิด แต่สุดท้ายก็ปิด ณ จุดใกล้ ๆ ราคาเปิด
ไม่ว่าผู้ซื้อหรือผู้ขายไม่สามารถที่จะมีอำนาจในการควบคุม และผลก็คือออกมา ไม่ไปไหนเลยซึ่ง Doji มี4 ประเภท ซึ่งความยาวของไส้เทียนจากจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดนั้นมีหลายแบบ และทำให้มีรูปแบบของมันมีดังนี้ คือ ดูเหมือนไม้กางเขน หรือว่าเครื่องหมายบวก คำว่า Doji มีหมายถึงรูปแบบเดียวและหลายรูปแบบ
เมื่อ Doji เกิดขึ้น คุณต้องสนใจกับมันเป็นพิเศษกับกราฟช่วงนี้
ถ้า รูปแบบของ Doji หลังจากเกิดแท่งเทียนขึ้นยาว ๆ ไม่มีไส้มาได้สักชุดหนึ่ง เหมือน กับเหมือนกับ white marubozus เพราะว่าสัญญาณ Doji บอกว่าผู้ซื้อกำลังหมดแรงและอ่อนตัวซึ่งผู้ซื้ออยากจะให้ราคาขึ้นอีก แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว เมื่อฝั่งผู้ขาย กำลังมีอิทธิพลเหนือกว่าตลาดและกำลังหาจังหวะเข้มาในตลาเพื่อจะผลักดันราคาลง
จำไว้ว่า หลังจากที่ Doji เกิดขึ้น ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้อง sell ทันทีทันใด เราต้องรอสัญญาณใช้ในการ confirm อยู่ รอให้เกิดภาวะหมี ให้ราคาปิดต่ำกว่าจุดเปิดของ กราฟแท่งเทียนที่ขึ้นยาว ๆ (Marubozu) ก่อนหน้า
ถ้า Doji เกิดขึ้นหลังจาก กลุ่มของกราฟแท่งเทียนสีดำ(แดง) หรือ black marubozu แล้วสัญญาณ Doji นั้นบอกว่า ฝั่งผู้ขายกำลังหมดแรงและอ่อนตัว ถ้าพวกเขาอยากให้ราคาตกอีกพวกเขาต้อง sell เพิ่ม แต่ว่า ฝั่งผู้ขายตอนนี้มีอิทธิพลน้อยกว่าผู้ซื้อ และผู้ซ้อกำลังคอยโอกาสเพื่อพวกเขาจะได้ราคาที่ถูก
ขณะที่เทรนด์ขาลงกำลังอ่อนตัวเนื่องจากขาดแรงขายจากผู้ขายรายใหม่ แต่ว่าเราก็ยังต้องรอให้มีการคอนเฟิร์มจุดกลับตัว โดยเราต้องหากราฟแท่งเทียนสีขาว(เขียว) ที่ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดของกราฟแท่งเทียนสีดำ
จุดกลับตัวก่อนเกิดเทรนด์
รูปแบบที่เราจะบอกว่า เกิดจุดกลับตัว ซึ่งควรจะมีจุดที่บอกได้ก่อนเกิดเทรด จุดเกิดสัญญาณว่าเป็นสัญญาณกระทิงซึ่งจะต้องมีการเกิดภาวะหมีและมีจุดกลับตัวก่อนที่จะเกิดเทรนด์ขาขึ้นทิศทางของเทรนด์ สามารถบอกได้โดยใช้ เส้น Trend line, moving average หรือ การใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิครูปแบบอื่น ๆ
Hammer and Hanging Man
Hammer กับ hanging man จะมีรูปร่างและความหมายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งขึ้นอยู่กับทิศทางราคาที่ผ่านมา ทั้งคู่จะมีตัวเทียนเล็ก ๆ น่ารัก(ขาวและดำ) มีไส้เทียนข้างล่างยาว และมีข้างบนโผล่มาอยู่นิดเดียว
Hammer
เมื่อราคาร่วงลง สัญญาณ hammers จะเกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของราคาก่อนที่ราคาจะเริ่มขึ้นอีกครั้งไส้เทียนที่ยาวบ่งบอกถึงราคาที่ผู้ขายพยายามกดดันราคาลง แต่ว่าฝั่งผู้ซื้อสามารถพลิกสถานการณ์มาเป็นฝ่ายได้เปรียบ และปิดใกล้กับจุดเปิดเป็นจุดกลับตัวก่อนเกิดภาวะกระทิง จะก่อตัวขึ้นหลังจากการเกิดเทรนด์ขาลง ที่ชื่อเป็นอย่างนี้เพราะว่า ตลาดกำลังกลับตัวจากจุดต่ำสุด มีลักษณะเหมือนค้อน
มีคำพูดหนึ่ง บอกว่า ถ้าเพียงแค่คุณเห็นรูปแบบ hammer เกิดขึ้นในช่วงขาลง ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องส่งออร์เดอร์ทันที คุณควรจะรอให้มีสัญญาณคอนเฟิร์ม ก่อนที่จะตัดสินใจไป สิ่งที่ยืนยันสัญญาณได้ดี ตัวอย่างเช่น ต้องรอให้มีแท่งเทียนสีขาวและปิดเหนือราคาเปิดของแท่งเทียนที่อยู่ด้านซ้ายของรูปค้อนเสียก่อน
สิ่งที่ควรจำ
• ไส้เทียนข้างล่างควรจะยาวอย่างน้อยสองหรือสามเท่าของตัวเทียน
• มีไส้เทียนข้างบนอาจจะไม่มี หรือมีนิดหน่อย
• ตัวเทียนจะอยู่ส่วนบนของช่วงราคา
• สีของตัวเทียนไม่ได้มีความสำคัญอะไรพิเศษ
hanging man
สิ่งที่ควรจำ
เป็นรูปแบบกลับตัวของภาวะตลาดหมีซึ่งสามารถบอกแนวต้านที่สำคัญได้เมื่อราคาสูงขึ้น การเกิดรูป Hanging man หมายความว่า ฝั่งผู้ขายกำลังเริ่มมีบทบาทมากกว่าผู้ซื้อ และ ไส้เทียนด้านล่างที่ยาวนั้นแสดงถึงราคาที่ผู้ขายได้กดราคาให้ต่ำในช่วงเวลานั้น ๆ แต่ผู้ซื้อสามารถพลิกราคากลับได้ แต่ทำได้แค่ราคาใกล้จุดเปิด ซึ่งเหตุการณ์นี้บอกเราว่า ไม่มีคนซื้อที่อยากซื้ออีกที่จะทำให้ตลาดขึ้นอย่างต่อเนื่องได้
• ไส้เทียนยาว ๆ ที่อยู่ด้านล่างควรจะยาวเป็นสองหรือสามเท่าของตัวเทียนเป็นอย่างน้อย
• มีไส้เทียนข้อบนอยู่นิดหน่อยหรืออาจจะไม่มี
• ตัวเทียนอยู่ส่วนบนของช่วงราคา
• สีของแท่งเทียนไม่มีความสำคัญ และ แท่งสีดำนั้นบอกว่าเทรนด์เป็นขาลงได้ชัดเจนได้มากกว่าแท่งสีขาว
Inverted Hammer and Shooting Star
Hammer แบบกลับหัว and shooting star ก็คล้าย ๆ กัน แต่แตกต่างของสองอันนี้คือ แม้ว่าคุณจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือ ขาลง กราฟแท่งเทียนมีตัวเทียนตัวเล็ก ๆ (ไม่ว่าจะเป็นสีขาว กับสีดำ) และมีไส้เทียนด้านบนที่ยาว และ ไส้เทียนด้านล่างที่สั้น
Inverted hammer หรือว่า Hammer กลับหัว เกิดขึ้นเมื่อราคาร่วงลงอย่างต่อเนื่อง และบอกความเป็นไปได้ในการเกิดจุดกลับเทรนด์ ไส้เทียนยาว ที่อยู่ด้านบนแสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อพยายามที่จะดันราคาให้สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ขายเห็นสิ่งที่ผู้ซื้อกำลังทำ เลยพูดว่า “เฮ้ย ไม่นะ” และพยายามดึงราคากลับลงมา โชคดี ที่ ฝั่งผู้ซื้อ ที่ได้เตรียมตัวมาดีและผู้ขายไม่สามารถปิดราคาให้อยู่ต่ำกว่าราคาเปิดได้ ซึ่งเป็นจุดที่บอกได้ว่า ทุก ๆคนที่ต้องการขายได้ขายจนหมดแรงขายแล้ว และถ้าไม่มีใครขายอีก จะเหลือใครอีกนอกจากผู้ซื้อ
Shooting star เป็นรูปแบบการกลับตัวของภาวะหมีซึ่งดูคล้ายกับรูป inverted hammer แต่เกิดขึ้นเมื่อราคาได้มีการขึ้นมาก่อนหน้านั้น และ shooting star บอกได้ว่าราคาเปิดที่ราคาต่ำแต่ว่า ถูกดึงกลับขึ้นมา ซึ่งหมายความว่า ผู้ซื้อพยายามจะผลักดันให้ราคาขึ้น แต่ว่าผู้ขายกลับมาขายมากกว่าในภายหลัง ซึ่งบอกสัญญาณของภาวะหมีตั้งแต่ที่ไม่มีผู้ซื้ออยู่ในตลาดเหลืออยู่เพราะว่าพวกเขาซื้อไปหมดแล้ว
บทสรุปของกราฟแท่งเทียน
กราฟแท่งเทียนจะบอกราคา open, high, low และ close
• ถ้าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด กราฟจะเป็นแท่งโปร่ง(โดยทั่วไปจะแทนสีขาว)
• ถ้าราคาปิดอยู่ต่ำกว่าราคาเปิด และกราฟเป็นสีทึบ( โดยปรกติจะเป็นสีดำ)
• ไม่ว่าจะเป็นแท่งโปร่งหรือทึบ ของแท่งเทียน ก็จะเรียกว่า ตัวแท่งเทียน
• เส้นบาง ๆ ที่ทะลุจากตัวเทียนข้างล่าง หรือ ข้างบนของตัวเทียนจะแสดงราคาสูงต่ำ เรียกว่า ไส้เทียน
• จุดสูงสุดของไส้เทียนคือ “high”.
• จุดต่ำสุดของไส้เทียนคือ “low”.
ตัวเทียนที่ยาวบ่งบอกถึงเทรนด์การซื้อการขายที่แข็งแกร่ง ยิ่งตัวแท่งเทียนยิ่งยาว ยิ่งบอกถึงแรงซื้อแรงขายที่ผู้ซื้อหรือผู้ขายกระทำต่อตลาด
ตัวเทียนที่สั้น บอกถึงการซื้อการขายที่มีปริมาณน้อย ในภาษาฟอร์เร็ก กระทิงคือผู้ซื้อ และ หมีคือผู้ขาย
ไส้เทียนข้างบนบอกถึงราคาที่ขึ้นไปสูงของช่วงเวลานั้น
ไส้เทียนข้างล่างบอกถึงราคาที่ต่ำสุดของช่วงเวลานั้น
กราฟแท่งเทียนที่มี ไส้เทียนด้านบนยาว หรือ ไส้เทียนด้านล่างยาว และมีตัวเทียนเล็ก ๆ อยู่ระหว่างไส้เทียนเรียกว่า Spinning Top ซึ่งบอกอารมณ์ตลาดได้ว่า ไม่สามารถตัดสินได้ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย
Marubozu หมายถึง ไม่มีไส้เทียนจากตัวเทียน ขึ้นอยู่กับว่าตัวเทียนนั้นจะเป็นสีทึบหรือว่าสีโปร่ง เพราะจุดสูงสุดและต่ำสุดของราคา เป็นจุดปิดและจุดเปิดในตัวเดียวกัน
Doji มีราคาเปิดและราคาปิดที่จุดเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน และตัวเทียนนั้นแทบจะไม่มีหรือมีน้อยมากที่สุด
Hammer เป็นรูปแบบการกลับตัวสู่ภาวะกระทิง ซึ่งเกิดจากการเกิด เทรนด์ขาลงในช่วงเวลาก่อนหน้า ที่ได้ชื่ออย่างนี้ เพราะว่า ตลาดได้ฟื้นจากภาวะเทรนด์ขาลง
Hanging man เป็นรูปแบบการเกิดการกลับตัวสู่ภาวะตลาดหมี ซึ่งสามารถบอกว่าจุดนั้นเป็นจุดแนวต้านที่แข็งแกร่ง
Inverted hammer หรือ Hammer กลับหัวเกิดขึ้นเมื่อราคาได้ร่วงมาอย่างต่อเนื่องและมีความเป็นไปได้ในการเกิดจุดกลับเทรนด์
Shooting star เป็นรูปแบบการกลับตัวเข้าสู่ภาวะตลาดหมี ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ Inverted Hammer แต่ว่าเกิดขึ้นเมื่อราคาได้ขึ้นติดต่อกัน
รูปภาพ Mammer กับ Hanging man และ Inverted Mammer Shooting star สลับกันหรือป่าว
ตอบลบและ ตรงข้อความนี้
Black Marubozu
ประกอบด้วยตัวเทียนสีดำ โดยไม่มีไส้เทียน ราคาเปิดจะเท่ากับราคาสูงสุด และ ปิดที่ราคาต่ำที่สุด นี่เป็นกราฟของภาวะหมี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อมีอำนาจเหนือตลาด และแสดงให้เห็นว่า ผู้ขายควบคุมราคาทั้งหมดในช่วงราคานี้ บ่งบอกว่าภาวะหมีเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง หรือ เกิดการกลับตัวมาสู่ภาวะหมี
ตรง" ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อมีอำนาจเหนือตลาด" ต้องเป็น"ผู้ขาย "หรือป่าว